เรียน ท่านผู้มีส่วนได้เสีย

เป็นอีกหนึ่งปีที่ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและความเชื่อมั่นของท่านที่มีต่อ บริษัท ในปี 2567 เรามีปริมาณสินเชื่อแฟคเตอริ่งรวมจำนวน 32,186 ล้านบาท และปริมาณสินเชื่อประเภทอื่น (สินเชื่อลีสซิ่ง/สินเชื่อเช่าซื้อ และเงินให้กู้ยืมค่าซื้อสินค้า) อยู่ที่จำนวน 936 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถและคำมั่นของเราในการส่งมอบบริการสินเชื่อแฟคเตอริ่งที่เป็นเลิศแก่กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยในช่วงที่ตลาดมีความท้าทาย

แม้ว่าปริมาณสินเชื่อของธุรกิจเติบโตเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิของบริษัทกลับลดลง ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่สูงขึ้นเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความประทับใจแก่ลูกค้า แม้ว่าประเด็นเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทในปีที่ผ่านมา แต่เรายังคงรักษาฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตร้อยละ 3 ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันความมั่นคงทางการเงินและความสามารถในการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง

ในปี 2567 เราเริ่มดำเนินการในกิจการร่วมค้าที่มุ่งเน้นธุรกิจให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นบริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ การร่วมทุนครั้งนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในด้านความยั่งยืนและนวัตกรรม ที่ทำให้บริษัทได้เข้าร่วมในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเป็นการกระจายพอร์ตการลงทุนของเราให้มีความหลากหลาย

นอกจากนี้ เรามีความภูมิใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า เราได้ดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 การมุ่งเน้นในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ขององค์กร ไม่เพียงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อโลก แต่ยังเสริมความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงเรายังได้รับการต่ออายุการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (ซีเอซี)

คณะกรรมการบริษัทมีความยินดีในการเสนอการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1480 บาท (หรือ 14.80 สตางค์) ต่อหุ้นสำหรับปี 2567 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.31 ของกำไรสุทธิ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่กำหนดให้บริษัทจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังการจัดสรรสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 21 เมษายน 2568

เมื่อมองไปข้างหน้า สิ่งที่เราให้ความสำคัญยังคงชัดเจน กล่าวคือ การยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การสร้างความแข็งแกร่งด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง และการมองหาโอกาสที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของเรา นอกจากนี้ เรายังคงแสวงหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามารถในการดำเนินการร่วมกันในประเทศไทย เราจะยังคงพัฒนาธุรกิจซัพพลายเชนไฟแนนซิ่ง (Supply Chain Financing) ขยายธุรกิจสินเชื่อแฟคเตอริ่งระหว่างประเทศ และแสวงหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ของไทยให้เติบโต เรามั่นใจว่าความพยายามเหล่านี้จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในระยะยาว

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายที่ให้ความไว้วางใจและความเชื่อในศักยภาพของ ไอเอฟเอส และให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องผมขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อผู้บริหารและพนักงานของเราที่เสียสละและทุ่มเทเพื่อบริษัท ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของทุกท่าน เราจะสามารถสร้างความสำเร็จก้าวต่อไปด้วยกัน

ขอแสดงความนับถือ

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง

นายแรนดี้ ซิม เชง เหลียง
   ประธานกรรมการ
 20 กุมภาพันธ์ 2568